แพทย์เฉพาะทางเปิดเทคนิครักษา “ข้อเข่าเสื่อม” ที่ รพ. S Spine & Joint

bg object1bg object2

ปัจจุบันการ “รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม” สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์เฉพาะทาง เท่านั้น จึงจะสามารถวินิจฉัยและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละราย

เริ่มจากการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด  

ในกรณีที่ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมยังอยู่ในระยะเริ่มต้น เช่น ปวดเมื่อเดินไกล ฝืดเล็กน้อยช่วงเช้า หรือรู้สึกข้ออ่อนแรงขณะลุกนั่ง แนวทางที่ดีที่สุดคือการรักษาแบบไม่ผ่าตัด เพื่อชะลอความเสื่อมและลดการอักเสบ เช่น ยาลดการอักเสบ หรือยาบำรุงข้อเข่า ร่วมกับการทำกายภาพ เพื่อเสริมกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าให้แข็งแรง  

 

การฉีดยารักษาข้อเข่า  

แต่หากผู้ป่วยเริ่มมีอาการมากขึ้น เช่น ข้อแห้ง ฝืดตึงหลังใช้งาน หรือปวดบ่อยจนนั่ง เดิน หรือขึ้นลงบันไดได้ลำบาก การรักษาแบบฉีดยาเข้าข้อเข้าจะเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยฟื้นฟูข้อเข่าได้   ที่ โรงพยาบาลเอส  เราใช้เทคนิคการฉีดยารักษาข้อเข่า 2 แบบ คือ การฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อ (Hyaluronic Acid) และ ฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP: Platelet-Rich Plasma) ปรับสมดุลน้ำในข้อเข่า และลดแรงเสียดสีของข้อกระดูก  

image1

การผ่าตัดรักษาข้อเข่า  

เมื่ออาการข้อเข่าเสื่อมเข้าสู่ระยะที่รบกวนการใช้ชีวิต เช่น ปวดตลอดเวลา เดินลำบาก ข้อโก่งผิดรูป หรือรู้สึกไม่มั่นคงในการลงน้ำหนัก การผ่าตัดจะกลายเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด แพทย์เฉพาะทางจะประเมินจากระดับความเสื่อม ตำแหน่งที่สึกหรอ และเลือกวิธีผ่าตัดที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด 

 

การผ่าตัดส่องกล้องซ่อมแซมหมอนรองกระดูกข้อเข่า 

เป็นทางเลือกแรกในการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาหมอนรองกระดูกฉีกขาด โดยแพทย์จะใช้กล้องขนาดเล็กและเครื่องมือเฉพาะทาง สอดเข้าไปในข้อเพื่อตรวจสอบความเสียหาย และซ่อมแซมจุดที่เสียหาย ให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ 

 

การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งหมด (TKA: Total Knee Arthroplasty) 

หากข้อเข่าเสื่อมหลายตำแหน่ง ข้อโก่งรุนแรง หรือสูญเสียสมดุลการเดิน การเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งข้อจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม แพทย์เฉพาะทางจะทำการแทนที่ผิวข้อทั้งหมดด้วยข้อเข่าเทียมที่ออกแบบให้ใกล้เคียงข้อจริง และให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวใกล้เคียงธรรมชาติ 

 

การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเฉพาะส่วน (UKA: Unicompartmental Knee Arthroplasty) 

 

เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีความเสื่อมเฉพาะด้าน เช่น ด้านในหรือด้านนอกของข้อเข่า แพทย์เฉพาะทางจะผ่าตัดเฉพาะส่วนที่เสื่อม และเก็บส่วนของกระดูกที่ยังแข็งแรงไว้ให้ได้มากที่สุด

 

โดยใช้เครื่องมือเฉพาะทางที่แม่นยำ เพื่อลดการบาดเจ็บต่อกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น พร้อมติดตั้งข้อเข่าเทียมที่ผลิตจากวัสดุเฉพาะ ช่วยลดแรงเสียดสีและยืดอายุการใช้งานของข้อใหม่ 

second image

การฟื้นตัวหลังผ่าตัดรักษาข้อเข่า  

ที่โรงพยาบาลเอส เราเน้นการวินิจฉัยที่ตรงกับสาเหตุของอาการ พร้อมเลือกการรักษาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ในการผ่าตัด ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถเริ่มลุกเดินได้ภายใน 24–48 ชั่วโมงหลังผ่าตัด โดยมีนักกายภาพบำบัดดูแลอย่างใกล้ชิด ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟู เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า ให้ผู้ป่วยสามารถกับมาเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น 

อ่านเพิ่มเติม

Share Iconแชร์
Facebook Icon
Line Icon

บริการที่เกี่ยวข้อง

ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งหมด (TKA)

ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งหมด (TKA)

ผู้ป่วยที่มีข้อเข่าเสื่อมรุนแรง และมีอาการปวดเรื้องรังจนเคลื่อนไหวลำบาก กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม เพื่อฟื้นฟูการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน (UKA)

ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน (UKA)

ผู้ป่วยที่มีข้อเข่าเสื่อมในบางส่วน และมีอาการปวดเรื้องรัง บริเวณด้านในหรือด้านนอกข้อเข่า แพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมเฉพาะส่วนที่ได้รับความเสียหาย เพื่อฟื้นฟูการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น   
ซ่อมแซมหมอนรองกระดูกข้อเข่า (Meniscus Repair)

ซ่อมแซมหมอนรองกระดูกข้อเข่า (Meniscus Repair)

การรักษาผู้ป่วยที่มีอาการบาดเจ็บที่หมอนรองกระดูกข้อเข่า ซึ่งอาจเกิดจากการหกล้ม หรือการใช้งานข้อเข่าในลักษณะซ้ำๆ จนเกิดการฉีกขาด การซ่อมแซมจะช่วยให้หมอนรองกระดูกข้อเข่ากลับมาทำหน้าที่ได้ดีขึ้น ลดอาการปวด และป้องกันการเกิดปัญหาข้อเข่าเสื่อมในระยะยาว  
ฉีดเกล็ดเลือดรักษาข้อเข่า (PRP)

ฉีดเกล็ดเลือดรักษาข้อเข่า (PRP)

  การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP) เป็นการรักษาข้อเข่าผู้ป่วยที่มีปัญหาข้อเข่าเสื่อมในระยะเริ่มแรก หรือการบาดเจ็บที่ข้อเข่า โดยใช้เกล็ดเลือดจากตัวผู้ป่วยเอง ซึ่งมีความเข้มข้นสูง เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอกลับมาแข็งแรงขึ้น หรือ การบาดเจ็บที่ข้อเข่า
ฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า

ฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า

ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมในระยะแรกมักมีอาการข้อเข่าฝืด ใช้งานไม่สะดวก หรือมีอาการปวดและบวมเป็นๆ หายๆ เมื่อพักการใช้งานข้อเข่าจะทุเลา แต่เมื่อใช้งานมากขึ้นอาการปวดจะกลับมา การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าเป็นวิธีการรักษาที่เหมาะสำหรับข้อเข่าเสื่อมในระยะแรก โดยช่วยเพิ่มการหล่อลื่นในข้อเข่า ลดการเสียดสีที่ทำให้เกิดอาการปวด    
ผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก  (Total Hip Arthroplasty)

ผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก (Total Hip Arthroplasty)

ข้อสะโพกเสื่อม ที่เกิดจากการสึกหรอของกระดูกอ่อนภายในข้อ ที่เกิดจากการใช้งานสะโพกเป็นเวลานาน การบาดเจ็บเรื้อรัง หรือโรคบางชนิด เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ รวม ถึงปัจจัยด้านอายุ เมื่อข้อสะโพกเสื่อม ผู้ป่วยมักมีอาการปวดบริเวณ ขาหนีบ หรือ ต้นขาด้านหน้า โดยอาการจะรุนแรงขึ้นขณะเคลื่อนไหว ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน  
ผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกบางส่วน

ผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกบางส่วน

พฤติกรรมการใช้งานข้อสะโพก เช่น การขึ้นลงบันไดบ่อย ยกของหนัก หรือนั่งยองซ้ำ ๆ ร่วมกับภาวะกระดูกพรุน หรืออุบัติเหตุ ล้วนเป็นตัวเร่งให้ข้อสะโพกเสื่อมได้เร็วขึ้น ในบางกรณีที่มีความเสียหายเฉพาะบางส่วนของข้อสะโพก เช่น กระดูกต้นขาหักใกล้ข้อ หรือข้อสะโพกเสื่อมบางจุด การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกบางส่วน จะช่วยลดอาการปวด และให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้ดียิ่งขึ้น  
ผ่าตัดเปลี่ยนข้อไหล่เทียมแบบกลับด้าน

ผ่าตัดเปลี่ยนข้อไหล่เทียมแบบกลับด้าน

อาการไหล่ติด ยกแขนไม่สุด หรือรู้สึกเจ็บลึก ๆ ภายในหัวไหล่ โดยเฉพาะเมื่อต้องเอื้อม หวีผม หรือใส่เสื้อผ้า ในบางรายอาการหนักถึงขั้นยกแขนไม่ได้เลย ทั้งที่กล้ามเนื้อแขนยังดูปกติดี ภาวะนี้มักเกิดจาก เส้นเอ็นรอบข้อไหล่ฉีกขาดรุนแรง ร่วมกับ ความเสื่อมของข้อไหล่ ซึ่งอาจมาจากอายุที่มากขึ้น การใช้งานซ้ำ ๆ หรืออุบัติเหตุ การผ่าตัดเปลี่ยนข้อไหล่เทียมแบบกลับด้าน จึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการรักษาและช่วยในการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น  
Icon

ปรึกษาทีมงาน

ผู้เชี่ยวชาญตอนนี้

โทรเลย

Call Icon02-034-0808
โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ | S Spine & Joint Hospital

เลขที่ 2102/9 อาคาร A ถนนลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310

โทร : 02-034-0808
Facebook IconLine IconTiktok IconYoutube IconInstagram Icon

Copyright © 2025 S Spine and Joint Hospital. All right reserved